การใช้ภาพถ่ายดาวเทียมในการตรวจสอบความแห้งแล้งทางการเกษตร กรณีศึกษาลุ่มน้ำชี

ผู้แต่ง

  • ภัทร กมลจิตสุที ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จ.ปทุมธานี
  • อุรุยา วีสกุล ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จ.ปทุมธานี

คำสำคัญ:

ภาพถ่ายดาวเทียม, ภัยแล้งทางการเกษตร, ลุ่มน้ำชี

บทคัดย่อ

ในการพัฒนาแบบจำลองเพื่อการพยากรณ์ภัยแล้งมักจะขาดข้อมูลภัยแล้งภาคสนามทำให้ขาดความเชื่อมั่นในความแม่นยำของการพยากรณ์การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ภาพถ่ายดาวเทียมชี้วัดภัยแล้งทางการเกษตร เพื่อให้สามารถใช้ภาพถ่ายดาวเทียมแทนข้อมูลภัยแล้งภาคสนามทางการเกษตร ลุ่มน้ำชีซึ่งมักจะประสบภัยแล้งอยู่เสมอได้ถูกเลือกเป็นพื้นที่ศึกษา ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม MODIS ข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินและข้อมูลภัยแล้งจากกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ตลอดจนข้อมูลผลผลิตทางการเกษตรจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรโดยระหว่างปีพ.ศ.2553-2562 ได้ถูกนำมาวิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างความแห้งแล้งทางการเกษตรกับตัวแปรต่างๆที่คำนวณได้จากภาพถ่ายดาวเทียมการศึกษาได้เลือกใช้ "ข้าว" เป็นตัวแทนพืชผลทางการเกษตรในการวิเคราะห์ เนื่องจากเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของพื้นที่ลุ่มน้ำชีกระบวนการวิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างดัชนีจากภาพถ่ายดาวเทียม (NDVI, LST) ดึงข้อมูล NDVI และ LST เฉพาะช่วงเวลาและพื้นที่ศึกษาที่ตรงกัน ผลลัพธ์ NDVI สูง (พืชเขียว) พบว่า LST ต่ำ (พื้นผิวเย็น) NDVI ต่ำ (พื้นที่โล่ง/สิ่งปลูกสร้าง) พบว่า  LST สูง (พื้นผิวร้อนกว่า) ผลการวิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลระหว่างปีพ.ศ.2553-2562 รวมทั้งสิ้น 10 ปีจังหวัดในลุ่มน้ำชีชี้ให้เห็นว่า Normalized Difference Vegetation Index (NDVI) และอุณหภูมิพื้นผิวดิน Land Surface Temperature (LST) ทุก 16 วันสามารถใช้สะท้อนความแห้งแล้งทางการเกษตรได้ดีโดยพบว่า เมื่อ NDVI มีค่าระหว่าง 0.24 - 0.47 และ LST มีค่าตั้งแต่ 29.60 องศาเซลเซียส แสดงถึงภัยแล้งทางการเกษตรเนื่องจากข้าวไม่สามารถได้ผลผลิตตามมาตรฐาน จากการตรวจสอบความน่าเชื่อถือโดยใช้ข้อมูลระหว่างปีพ.ศ.2556 ยังพบว่า NDVI และ LST สามารถแทนข้อมูลความแห้งแล้งทางการเกษตรได้โดยมีความแม่นยำเฉลี่ย 70% ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ทดแทนข้อมูลภัยแล้งภาคสนามในการพัฒนาแบบจำลองเพื่อการพยากรณ์ภัยแล้งทางการเกษตรได้

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-25