การประเมินสมรรถนะของคอนกรีตที่รักษารอยร้าวด้วยกระบวนการตกตะกอนทางจุลชีววิทยา

ผู้แต่ง

  • เบญญทิพย์ มุ่งดี ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • พรเกษม จงประดิษฐ์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • วีรชาติ ตั้งจิรภัทร ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • ชัย จาตุรพิทักษ์กุล ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • นนท์ ทรัพย์มั่นคงทวี หลักสูตรวิศวกรรมชีวภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • ดุจเดือน วราโห หลักสูตรวิศวกรรมชีวภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • ณัฐสุดา ชัยมุสิก ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
  • จิรายุส เอื้อนรเศรษฐ์ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

คำสำคัญ:

Bacillus sphaericus LMG 22257, กระบวนการตกตะกอนของแคลเซียมคาร์บอเนตทางจุลชีววิทยา (MICP), การรักษารอยร้าวของคอนกรีต

บทคัดย่อ

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการประเมินสมรรถนะการรักษารอยร้าวของคอนกรีตที่ใช้กระบวนการตกตะกอนของแคลเซียมคาร์บอเนตทางจุลชีววิทยา (MICP) ด้วยแบคทีเรียชนิด Lysinibacillus sphaericus สายพันธุ์ LMG 22257 และ EW-S2 ตัวอย่างคอนกรีตที่ใช้ในการศึกษานี้มีกำลังรับแรงอัดประมาณ 40 เมกะปาสคาล ที่อายุ 28 วัน แบ่งคอนกรีตออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ 1) คอนกรีตทรงลูกบาศก์ขนาด 150×150×150 มม.3 ใช้ในการทดสอบกำลังรับแรงอัด และ 2) คานคอนกรีตขนาด 150×150×600 มม.3 เสริมด้วยเหล็กกลม 2 เส้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 มม. เพื่อประเมินความสามารถในการรักษารอยร้าว และการกัดกร่อนของเหล็กเสริมที่ฝังอยู่ในคอนกรีต สำหรับการสร้างรอยร้าวของตัวอย่างคอนกรีตทรงลูกบาศก์ใช้แผ่นพลาสติกความกว้าง 0.2 มม. ลึก 20 มม. และยาว 90 มม. สำหรับรอยร้าวของคานคอนกรีตเสริมเหล็ก เกิดจากการดัดคานแบบให้น้ำหนักกดสี่จุด (Four-point loading) จนได้ความกว้างของรอยร้าวประมาณ 0.2-0.3 มม. ผลการศึกษาพบว่าคอนกรีตที่รักษารอยร้าวด้วยเทคนิค MICP มีสมรรถนะสูงกว่าทั้งในด้านกำลังรับแรงอัด และลดการกัดกร่อนของเหล็กเสริม เมื่อเทียบกับคอนกรีตที่ไม่ได้รับการรักษา แต่ยังมีค่าต่ำกว่าคอนกรีตที่ไม่มีรอยร้าวเล็กน้อย นอกจากนี้การวิเคราะห์โครงสร้างจุลภาคของคอนกรีตที่รักษาโดยวิธี MICP พบว่าผลิตภัณฑ์หลักคือแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ซึ่งเกิดจากกระบวนการ MICP ผลลัพธ์นี้ยังชี้ให้เห็นว่าสามารถใช้แบคทีเรียด้วยเทคนิค MICP ในการซ่อมแซมรอยร้าวของคอนกรีตได้

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-25

วิธีการอ้างอิง

[1]
มุ่งดี เ., “การประเมินสมรรถนะของคอนกรีตที่รักษารอยร้าวด้วยกระบวนการตกตะกอนทางจุลชีววิทยา”, Thai NCCE Conf 30, ปี 30, น. MAT-47, มิ.ย. 2025.

Most read articles by the same author(s)

Similar Articles

1 2 3 4 > >> 

You may also start an advanced similarity search for this article.