การศึกษาพฤติกรรมการยึดเหนี่ยวระหว่างคอนกรีตปกติและคอนกรีตสมรรถนะสูงพิเศษเพื่อการเสริมกำลังโครงสร้าง
คำสำคัญ:
การเสริมกำลัง, คอนกรีตสมรรถนะสูงพิเศษ, การยึดเหนี่ยว, แรงยึดเหนี่ยว, การทดสอบกำลังรับแรงดึง, การเตรียมพื้นผิวบทคัดย่อ
โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กในปัจจุบันเป็นที่นิยมและถูกนำมาใช้งาน อย่างแพร่หลายในหลายประเทศ โดยรูปแบบการใช้งานจะมีความแตกต่าง กันตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานจริง การเลือกใช้วิธีการเสริมกำลังกับ โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้องค์อาคารสามารถใช้ งานได้ยาวนานมากขึ้น โดยการเสริมกำลังนั้นไม่เพียงแต่เป็นแนวทางในการ ใช้ซ่อมแซมโครงสร้างที่เกิดการเสื่อมสภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางในการ เสริมแรงให้โครงสร้างให้มีสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างที่ใหม่ หรือเก่า ก็สามารถใช้วิธีเสริมกำลังกับโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนักขององค์ อาคารหรือการใช้งานจริง การเสริมกำลังด้วยคอนกรีตสมรรถนะสูงพิเศษ (UHPC) จึงเป็นทางเลือกสำหรับการใช้งานเพื่อเสริมกำลังให้กับโครงสร้าง ในงานวิจัยนี้จึงศึกษาการยึดเหนี่ยวระหว่างคานคอนกรีตเสริมเหล็กที่เสริม กำลังด้วยคอนกรีต UHPC ด้วย โดยเปรียบเทียบวิธีการยึดเหนี่ยว 2 รูปแบบ ได้แก่ การยึดเหนี่ยวด้วยการสกัดพื้นผิว (Concrete Chipping) และ การยึด เหนี่ยวด้วยอีพ็อกซี่ (Epoxy) ทำการทดสอบกำลังรับแรงดัดของคาน ASTM C293 ด้วยคานขนาดความกว้าง 10 ซม. ยาว 50 ซม. สูง 10 ซม. แบบวิธีใช้ แรงกดหนึ่งจุดที่จุดกึ่งกลางคาน (Center-point loading), การทดสอบ กำลังรับแรงดึงผ่าซีกของคอนกรีต (Splitting test) ASTM C496 และการ ทดสอบกำลังรับแรงดึงหรือแรงยึดเหนี่ยวของพื้นผิวคอนกรีต (Pull off test) กับชั้น UHPC ความหนา 2 และ 5 ซม. โดยจะวิเคราะห์เปรียบเทียบ ตัวอย่างที่ไม่มีการเสริมกำลังด้วยคอนกรีต UHPC ผลการศึกษาพบว่าการ เสริมกำลังด้วย UHPC ทำให้คานคอนกรีตเสริมเหล็กมีประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 22%
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Engineering Institute of Thailand

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับคัดเลือกนำเสนอในการประชุม NCCE ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) (Engineering Institute of Thailand)