การใช้ข้อมูลจากยานพาหนะที่ติดตั้งอุปกรณ์ระบุพิกัด (Probe Car) ในการประเมินความล่าช้า ของการจราจรบริเวณทางแยกสัญญาณไฟจราจร ภายใต้ระดับความอิ่มตัวของถนนที่แตกต่างกัน

ผู้แต่ง

  • พัฒนาพงศ์ งอสอน สำนักวิจัยและพัฒนางานทาง กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม
  • ชัยณรงค์ เบญจพรทวี สำนักวิจัยและพัฒนางานทาง กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม
  • พลเทพ เลิศวรวนิช สำนักวิจัยและพัฒนางานทาง กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม

คำสำคัญ:

ความล่าช้าของการจราจร, ระดับความอิ่มตัวของถนน, ยานพาหนะติดตั้งอุปกรณ์ระบุพิกัด

บทคัดย่อ

ในปัจจุบันการตรวจวัดสภาพจราจรต้องพึ่งพาอุปกรณ์ตรวจวัดที่ติดตั้งบนถนน ซึ่งมีต้นทุนสูงในการติดตั้งและการบำรุงรักษา อีกทั้งไม่สามารถครอบคลุมทุกพื้นที่ได้อย่างครบถ้วน การใช้ข้อมูลจากยานพาหนะที่ติดตั้งอุปกรณ์ระบุพิกัด (Probe Cars) จึงเป็นแนวทางที่น่าสนใจเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการเก็บข้อมูล อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวอาจมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำ เนื่องจากไม่สามารถเก็บข้อมูลจากยานพาหนะทุกคันได้ การศึกษานี้มุ่งศึกษาความคลาดเคลื่อนในการใช้ยานพาหนะที่ติดตั้งอุปกรณ์ระบุพิกัดเพื่อประเมินความล่าช้า (Delay) ของการจราจร ในสถานการณ์ระดับความอิ่มตัวของถนน (Degree of Saturation: DoS) และร้อยละของยานพาหนะที่ติดตั้งอุปกรณ์ระบุพิกัดที่สัดส่วนต่างๆ โดยใช้แบบจำลองจราจรระดับจุลภาค (Microscopic Simulation Model) ผ่านโปรแกรม Aimsun เพื่อจำลองสถานการณ์ที่ทางแยกเดี่ยว (Isolated Intersection) ผลการวิเคราะห์พบว่าสัดส่วนข้อมูล Probe ที่มากขึ้นจะช่วยลดความคลาดเคลื่อนในการประเมินความล่าช้าได้อย่างชัดเจน และยังชี้ให้เห็นว่าการเลือกสัดส่วนที่เหมาะสมของ Probe ควรพิจารณาระดับความอิ่มตัวของถนนร่วมด้วย โดยถนนที่มีระดับความอิ่มตัวต่ำหรือสภาพจราจรเบาบางจำเป็นต้องใช้ Probe ในสัดส่วนที่มากขึ้นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำ สำหรับถนนที่สภาพจราจรมีความเบาบางมาก (DoS=0.10) ความต้องการ Probe ที่เหมาะสมอาจสูงถึงร้อยละ 50 และถนนที่มีระดับความอิ่มตัวสูงหรือมีสภาพจราจรหนาแน่นจะต้องการสัดส่วนของ Probe ที่ต่ำกว่าและยังคงให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ เมื่อสภาพจราจรมีความหนาแน่นสูง (DoS=0.90) จะต้องการสัดส่วนของ Probe เพียงร้อยละ 10 ก็สามารถทำให้ความคลาดเคลื่อนของความล่าช้าต่ำกว่าร้อยละ 10 ได้ การศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการใช้ข้อมูล Probe เพื่อช่วยลดความจำเป็นในการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดจราจรเพิ่มเติม และเป็นแนวทางในการนำข้อมูล Probe ไปปรับใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการประเมินสภาพจราจร

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-25

วิธีการอ้างอิง

[1]
งอสอน พ., เบญจพรทวี ช., และ เลิศวรวนิช พ., “การใช้ข้อมูลจากยานพาหนะที่ติดตั้งอุปกรณ์ระบุพิกัด (Probe Car) ในการประเมินความล่าช้า ของการจราจรบริเวณทางแยกสัญญาณไฟจราจร ภายใต้ระดับความอิ่มตัวของถนนที่แตกต่างกัน”, Thai NCCE Conf 30, ปี 30, น. TRL-23, มิ.ย. 2025.

Most read articles by the same author(s)

Similar Articles

<< < 3 4 5 6 7 8 9 > >> 

You may also start an advanced similarity search for this article.