การแพร่กระจายของคลอไรด์ในสภาวะไม่คงตัวของคอนกรีตชนิดอัดแน่นได้ด้วยตัวเองภายใต้ การบ่มเร่งช่วงต้นด้วยพลังงานไมโครเวฟในสภาวะความดันต่ำ

ผู้แต่ง

  • ณัฏฐ์​ มากุล คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กรุงเทพมหานคร
  • ปัณณภัสร์ เฮงเติม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กรุงเทพมหานคร
  • สมศักดิ์ วงษ์ประดับไชย ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญทางด้านการประยุกต์ใช้พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในงานวิศวกรรม ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) จ.ปทุมธานี
  • ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญทางด้านการประยุกต์ใช้พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในงานวิศวกรรม ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) จ.ปทุมธานี
  • ณิชาภัส สิทธิศุข คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กรุงเทพมหานคร

คำสำคัญ:

การแพร่กระจายของคลอไรด์ในสภาวะไม่คงตัว, คอนกรีตชนิด อัดแน่นได้ด้วยตัวเอง, การบ่มด้วยพลังงานไมโครเวฟในช่วงต้น, สภาวะความดันต่ำ

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาการแพร่ของคลอไรด์ไอออนในคอนกรีตชนิดอัดแน่นได้ด้วยตัวเองผสมเศษมวลรวมคอนกรีตใช้แล้ว (Recycled Concrete Aggregate, RCA) เป็นมวลรวมหยาบ โดยกำหนดสัดส่วนผสมของคอนกรีตได้แก่ อัตราส่วนน้ำต่อปูนซีเมนต์ (w/c) เท่ากับ 0.35, 0.45 และ 0.65 และปริมาณปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกเท่ากับ 350, 400 และ 450 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยใช้ปริมาณน้ำยาลดน้ำอย่างแรงต่อหน่วยน้ำหนักของปูนซีเมนต์เท่ากับร้อยละ 0.60 มาทำการทดสอบหาค่าสัมประสิทธิ์การแพร่ของคลอไรด์ไอออน (Chloride-ion diffusion coefficient, CDC) ตามมาตรฐาน NT BUILD 492 (Non-Steady State Chloride Migration) ของคอนกรีตที่มีอายุ 28 วัน เปรียบเทียบคอนกรีตผสมมวลรวมหยาบที่เป็นหินปูนบดที่มีขนาดโตสุดเท่ากับ 25.0 มม. (คอนกรีตควบคุม) จากการศึกษาพบว่า ค่าสัมประสิทธิ์การแพร่กระจายของคลอไรด์ไอออนของคอนกรีตผสมเศษมวลรวมคอนกรีตใช้แล้วมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอัตราส่วนน้ำต่อปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับคอนกรีตควบคุมแต่มีค่าลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญเมื่อปูนซีเมนต์มีปริมาณเพิ่มขึ้น

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-25