การศึกษาคอนกรีตรีไซเคิลสำหรับบล็อกปูพื้นทางเท้าเพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ๊นท์ของคอนกรีต
คำสำคัญ:
ผลิตภัณฑ์บล็อกปูพื้นทางเดิน, คาร์บอนฟุตพริ๊นของคอนกรีต, คอนกรีตรีไซเคิล , กากคอนกรีตบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้ ได้ศึกษาการนำคอนกรีตรีไซเคิลมาใช้เป็นส่วนผสมผลิตภัณฑ์บล็อกปูพื้นทางเดิน โดยขึ้นรูปวัสดุเป็นบล็อกทางเดินที่ผสมกากคอนกรีตในปริมาณร้อยละ 20, 40 และ 60 โดยน้ำหนัก แล้วทำการทดสอบสมบัติทางกายภาพและทางกลของวัสดุ ผลจากการทดลองพบว่า ค่ากำลังอัด ค่าความหนาแน่น และค่าการดูดซึมน้ำ แปรผกผันกับอัตราส่วนผสมกากคอนกรีต กล่าวคือ กำลังอัด ความหนาแน่น และการดูดซึมน้ำ มีค่ามากสุดเมื่อผสมกากคอนกรีตในปริมาณร้อยละ 20 และมีค่าลดลงเรื่อยๆ ตามปริมาณกากคอนกรีตที่ผสมเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ด้วยกล้อง Scanning Electron Microscope (SEM) ที่สร้างภาพจากการตรวจวัดอิเล็กตรอนที่สะท้อนจากพื้นผิวของตัวอย่าง โดยพบรอยแตกร้าวบนพื้นผิวของชิ้นงาน ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้สมบัติทางกลนั้นด้อยลง นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์อิทธิพลของชนิดกากคอนกรีต วัสดุเชิงประกอบของคอนกรีตมีสมบัติทางกลและทางกายภาพด้อยที่สุด และผลการศึกษากระบวนการรีไซเคิลแยกกากคอนกรีตเหลือทิ้งจากโรงผสมคอนกรีต ออกมาเป็น หิน ทราย และเศษกากคอนกรีต พบว่า มีค่าการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 1.11 kg CO2e/m2 โดยแยกเป็นค่าที่เกิดจากกิจกรรมการได้มาซึ่งวัตถุดิบ (กระบวนการรีไซเคิล) กระบวนการผลิต และกระบวนการขนส่งเท่ากับ 0.0688 kg CO2e/m2 0.9964 kg CO2e/m2 และ 0.0356 kg CO2e/m2 ตามลำดับ ซึ่งกระบวนการที่มีการปล่อยปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด คือ กระบวนการรีไซเคิล โดยมีค่าร้อยละ 65 รองลงมาเป็นกระบวนการขนส่งซึ่งมีค่าร้อยละ 35 และเมื่อเปรียบเทียบกับการกำจัดแบบเทกองทิ้ง (วิธีการเดิม) การทำบล็อกปูพื้นทางเดินจากคอนกรีตรีไซเคิลสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงร้อยละ 95.62 การนำกากคอนกรีตมาผสมเพื่อไปใช้ประโยชน์แทนการฝังกลบหรือการนำไปกำจัดรูปแบบอื่น จึงเป็นวิธีที่ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Engineering Institute of Thailand

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับคัดเลือกนำเสนอในการประชุม NCCE ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) (Engineering Institute of Thailand)