การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสำรวจ เพื่อเก็บข้อมูลโบราณสถาน กรณีศึกษาวัดเชียงบาล อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา

ผู้แต่ง

  • พรปวีณ์ ชัยแก้ว สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา คณธวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
  • ฤทธิ์ทยุต ก้อนทอง สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา คณธวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
  • อภิชาต บัวกล้า สาขาวิศวกรรมโยธา คณะวิศกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
  • ณพล ศรีศักดา สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา คณธวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
  • อนุจิตร ภูมิพันธ์ สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา คณธวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
  • ณรงค์ เหลืองบุตรนาค ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

คำสำคัญ:

เทคโนโลยีการสแกน 3 มิติ, อากาศยานไร้คนขับ, โบราณสถาน, H-BIM, เทคโนโลยีสำรวจ

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเหมาะสมและประสิทธิภาพของเทคโนโลยีสำรวจสมัยใหม่ในการเก็บข้อมูลโบราณสถาน โดยเลือกวัดเชียงบาล จังหวัดพะเยา เป็นกรณีศึกษา เปรียบเทียบระหว่างวิธีการวัดแบบดั้งเดิมด้วยเทปวัดสนาม กับเทคโนโลยีการสแกน 3 มิติแบบตั้งพื้น (Terrestrial Laser Scanner: TLS) และอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle: UAV) โดยกำหนดเทปวัดสนามเป็นค่าควบคุม ข้อมูลจาก TLS และ UAV ถูกประมวลผลด้วยซอฟต์แวร์ Autodesk Recap และ Agisoft Metashape

ผลการศึกษาพบว่า TLS ให้ค่าพิกัดที่แม่นยำที่สุดด้วยค่าความน่าเชื่อถือ 94.734% รองลงมาคือ UAV ที่มีค่าความน่าเชื่อถือ 90.472% เมื่อเทียบกับค่าจริงจากเทปวัดสนาม ทั้งนี้ยังได้วิเคราะห์ข้อดี ข้อจำกัด และต้นทุนการดำเนินงานของแต่ละเทคโนโลยี เพื่อประเมินความเหมาะสมในการนำไปใช้จริงในการอนุรักษ์และพัฒนาแบบจำลองข้อมูลโบราณสถาน (Heritage Building Information Modeling: H-BIM) เพื่อการฟื้นฟูและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-25

วิธีการอ้างอิง

[1]
ชัยแก้ว พ., ก้อนทอง ฤ., บัวกล้า อ., ศรีศักดา ณ., ภูมิพันธ์ อ., และ เหลืองบุตรนาค ณ., “การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสำรวจ เพื่อเก็บข้อมูลโบราณสถาน กรณีศึกษาวัดเชียงบาล อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา”, Thai NCCE Conf 30, ปี 30, น. SGI-06, มิ.ย. 2025.

ฉบับ

บท

วิศวกรรมสำรวจและระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์

Similar Articles

<< < 1 2 3 4 > >> 

You may also start an advanced similarity search for this article.