การตรึงข้อมูลพอยต์คลาวด์จากอากาศยานไร้คนขับด้วยข้อมูลพอยต์คลาวด์จากเครื่องเลเซอร์สแกน เพื่องาน รังวัดปริมาตรการขุด-ขนดินและถ่านหินบริเวณเหมืองถ่านหินเปิดแม่เมาะ
คำสำคัญ:
เครื่องสแกนเลเซอร์ภาคพื้นดิน, อากาศยานไร้คนขับ, การรังวัดหาปริมาตรการขุดขนดินและถ่านหิน, เหมืองแม่เมาะบทคัดย่อ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เหมืองแม่เมาะ ได้ใช้เครื่องสแกนเลเซอร์ภาคพื้นดิน (terrestrial laser scanner : TLS) ในการรังวัดหาปริมาตรการขุด-ขน ดินและถ่านหิน ซึ่งบ่อเหมืองแม่เมาะมีลักษณะภูมิประเทศที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่ มีพื้นที่การขุด-ขน ที่ต้องรังวัดปริมาตร ประมาณเดือนละประมาณ 2 ล้านตารางเมตร ทำให้ในการรังวัดบางพื้นที่ต้องตั้งเครื่องเลเซอร์สแกนฯ หลายครั้ง และใช้เวลารังวัดนาน ต้องหยุดเครื่องจักรในระหว่างการรังวัดเป็นเวลานาน ส่งผลให้ปริมาตรการขุดดินและถ่านหินลดลง ดังนั้น การเสริมด้วยข้อมูลจากอากาศโดยใช้อากาศยานไร้คนขับ (unmanned aerial vehicle : UAV) จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่การที่จะทำให้ข้อมูลที่ได้จากอากาศยานไร้คนขับมีความถูกต้อง จำเป็นต้องมีการวางจุดควบคุมภาคพื้นดิน (ground control point : GCP) ให้ครอบคลุมหน้างานรังวัด อย่างไรก็ตามการติดตั้งและกระบวนการตรึง GCP ในบ่อเหมืองแม่เมาะที่มีลักษณะภูมิประเทศที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่นั้นใช้เวลานาน ทำให้กระบวนการรังวัดปริมาตรยุ่งยากขึ้น และระยะเวลาการทำงานมิได้ลดลงอย่างน่าพอใจ ไม่เหมาะในการปฏิบัติจริง จึงเป็นที่มาของการนำเอาข้อมูลพอยต์คลาวด์จากเครื่องเลเซอร์สแกนฯ มาใช้ตรึงข้อมูลแทนการวาง GCP โดยพบว่าพื้นผิวที่ได้จาก UAV ที่ได้จากการตรึงด้วยพอยท์คลาวด์จากเครื่องเลเซอร์สแกนฯ มีความต่างทางค่าระดับกับพื้นผิวที่ได้จากการสแกนด้วยเครื่องเลเซอร์สแกนฯ เฉลี่ย 0.023 ม. โดยมีค่าการกระจายตัว 0.013 ม. ซึ่งอยู่ในช่วงความคลาดเคลื่อนที่เหมืองแม่เมาะยอมรับให้ใช้งานได้ ช่วยให้การรังวัดปริมาตรขุดขนดินและถ่านหินรวดเร็วและสมบูรณ์ขึ้นอย่างมาก
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
บทความทั้งหมดที่ได้รับการคัดเลือกให้นำเสนอผลงานในการประชุมวิชาการวิศวกรรมโยธาแห่งชาติ ครั้งที่ 27 นี้ เป็นลิขสิทธิ์ของ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์