การประเมินความความยืดหยุ่นของการจราจรบนทางพิเศษเมื่อเกิดเหตุขัดข้อง กรณีศึกษาการประยุกต์ใช้ช่องทางจราจรที่สามารถปรับเปลี่ยนทิศทาง

ผู้แต่ง

  • รณกร นาคเกลี้ยง ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี
  • ดรุณี ทองสุข ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี
  • ชลรดา ประสิทธิ์แสงอารีย์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี
  • รัฐพงศ์ มีสิทธิ์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี

คำสำคัญ:

อุบัติการณ์, การฟื้นตัว, ทางพิเศษ, การจำลองสถานการณ์

บทคัดย่อ

อุบัติการณ์ (Incident) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ประสิทธิภาพของการจราจรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น การจัดการและการฟื้นตัว (Resilience) ของสภาพการจราจรภายหลังการเกิดอุบัติการณ์จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาความต่อเนื่องและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการศึกษาการนำช่องทางจราจรที่สามารถปรับเปลี่ยนทิศทาง (Reversible Lane) มาใช้เพิ่มความสามารถในการฟื้นตัวของระบบการจราจรเมื่อเกิดอุบัติการณ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและประเมินประสิทธิภาพการฟื้นตัวของการจราจรบนช่วงทางพิเศษฉลองรัชที่มีช่องทางจราจรปรับทิศทางได้ พร้อมเปรียบเทียบกับกลยุทธ์การจัดการอุบัติการณ์ในรูปแบบอื่น ๆ การวิจัยนี้ได้ใช้ซอฟต์แวร์ Aimsun Next ในการจำลองสถานการณ์ (Scenario) เพื่อกำหนดแนวทางการปิดช่องจราจรหลังเกิดอุบัติการณ์ และทดสอบการปรับใช้ช่องทางจราจร โดยจำลองทั้งหมด 4 Scenario ได้แก่ Scenario 1 ไม่มีการควบคุมใด ๆ เลย (Do not thing) Scenario 2 มีการควบคุมไม่ให้มีการขับรถบนไหล่ทาง Scenario 3 การเปิดใช้ช่องทางจราจรที่ปรับทิศทาง เมื่อเกิดเหตุการณ์ และ Scenario 4 การเปิดใช้ช่องทางจราจรที่ปรับทิศทางพร้อมกับมีมาตรการควบคุมการขับขี่บนไหล่ทาง การวิเคราะห์ข้อมูลที่ใช้ในงานวิจัยนี้มีการประเมินประสิทธิภาพจาก 2 ตัวชี้วัดหลัก คือ ความเร็วเฉลี่ย (Average Speed) และค่าพื้นที่ยุบตัว (Deficit Area) ของกราฟ ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบสะสมของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ผลการศึกษาพบว่า การใช้ช่องทางจราจรที่ปรับทิศทาง (Scenario 3) ได้ช่วยให้การฟื้นตัวของการจราจรมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีค่าพื้นที่ยุบตัวต่ำที่สุดที่ 1108.50 km.hr/min เมื่อเทียบกับมาตรการอื่น ๆ ที่มีค่าพื้นที่ยุบตัวรองลงมาดังนี้ Scenario 4 (1,928.26) Scenario 1 (2,075.57) และ Scenario 2(2,323.02) ตามลำดับ ซึ่งการใช้ช่องทางจราจรที่ปรับทิศทางแสดงให้เห็นถึงการลดผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเพิ่มขีดความสามารถของระบบการจราจรในการฟื้นตัวภายหลังเกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ ผลการศึกษาจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนากลยุทธ์การจัดการทางพิเศษ โดยการพิจารณาประยุกต์ใช้ช่องทางจราจรปรับทิศทางได้เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการจัดการอุบัติการณ์บนทางพิเศษ

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-25

วิธีการอ้างอิง

[1]
นาคเกลี้ยง ร., ทองสุข ด., ประสิทธิ์แสงอารีย์ ช., และ มีสิทธิ์ ร., “การประเมินความความยืดหยุ่นของการจราจรบนทางพิเศษเมื่อเกิดเหตุขัดข้อง กรณีศึกษาการประยุกต์ใช้ช่องทางจราจรที่สามารถปรับเปลี่ยนทิศทาง”, Thai NCCE Conf 30, ปี 30, น. TRL-22, มิ.ย. 2025.

Most read articles by the same author(s)

Similar Articles

1 2 3 4 > >> 

You may also start an advanced similarity search for this article.