การเพิ่มความถูกต้องของแบบจำลองน้ำฝน-น้ำท่าแบบกึ่งกระจายตัว ในลุ่มน้ำประแสร์ด้วยข้อมูลน้ำฝนความละเอียดสูงจากเรดาร์
คำสำคัญ:
แบบจำลอง URBS, ฝนสถานี, ฝนเรดาร์คอมโพสิต, ลุ่มน้ำแม่น้ำประแสร์, การจำลองน้ำท่าบทคัดย่อ
ความน่าเชื่อถือของข้อมูลน้ำฝนด้านเข้าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความถูกต้องและความแม่นยำของการจำลองน้ำฝน-น้ำท่า ข้อมูลน้ำฝนเรดาร์ที่มีความละเอียดสูงเชิงพื้นที่และเชิงเวลาเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับการนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับแบบจำลองน้ำฝน-น้ำท่าประเภท กึ่งกระจายตัวที่มีความละเอียดในการจำลองน้ำท่าระดับลุ่มน้ำย่อย ในการศึกษานี้จึงประยุกต์ใช้แบบจำลอง URBS เพื่อจำลองน้ำท่าเทียบกับสถานีวัดน้ำท่า Z.11 ซึ่งตั้งอยู่ที่คลองประแสร์ ลุ่มน้ำแม่น้ำประแสร์ จังหวัดระยอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความถูกต้องของการจำลองน้ำท่าด้วยข้อมูลน้ำฝนด้านเข้าที่แตกต่างกันระหว่างข้อมูลน้ำฝนจากสถานีตรวจวัดกับข้อมูลน้ำฝนจากเรดาร์ โดยข้อมูลน้ำฝนจากสถานีวิเคราะห์จากเครือข่ายสถานีวัดน้ำฝนอัตโนมัติและแปลงเป็นน้ำฝนเชิงพื้นที่ด้วยวิธี Inverse Distance Weighting เพื่อให้ได้ข้อมูลน้ำฝนรายลุ่มน้ำย่อย ในขณะที่ข้อมูลน้ำฝนเรดาร์วิเคราะห์ด้วยวิธีคอมโพสิตระหว่างสถานีเรดาร์สัตหีบและสถานีเรดาร์สมุทรสงคราม ผลการสอบเทียบและตรวจพิสูจน์แบบจำลองด้วยข้อมูลน้ำท่าในช่วงปี พ.ศ. 2565 และปี พ.ศ. 2566 จำนวน 6 เหตุการณ์ พบว่าความแม่นยำของการประเมินน้ำท่าด้วยข้อมูลน้ำฝนจากเรดาร์ให้ความถูกต้องที่ดีกว่าการใช้ข้อมูลน้ำฝนจากสถานีตรวจวัดที่มีอยู่อย่างจำกัด สะท้อนด้วย ค่าดัชนีทางสถิติที่มีค่าสูงกว่าการใช้ข้อมูลน้ำฝนจากสถานีในทุกกรณี โดยค่า NSE มีค่าอยู่ในช่วง 0.67 - 0.95 และค่า KGE มีค่าอยู่ในช่วง 0.60 - 0.96 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ดี-ดีมาก นอกจากนี้ ชุดพารามิเตอร์ที่ได้จากการใช้ข้อมูลน้ำฝนเรดาร์มีความผันแปรน้อยกว่าชุดพารามิเตอร์จากน้ำฝนสถานีอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นว่าข้อมูลน้ำฝนเรดาร์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการจำลองน้ำท่าได้อย่างชัดเจน
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Engineering Institute of Thailand

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับคัดเลือกนำเสนอในการประชุม NCCE ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) (Engineering Institute of Thailand)